Mr. Kittipong Vongagson, a researcher at the Dhammachai International Research Institute (DIRI) and a Ph.D. student at the Faculty of Buddhist Studies, Ludwig Maximilian University of Munich(LMU), participated in the 2025 Woodenfish-Waksaw Gandhara Buddhism Seminar in Pakistan (January 9-18, 2025).
The seminar was organized through the collaboration of the Woodenfish Institute and the Waksaw Institute, and it invited 30 scholars and individuals interested in Buddhism in the Gandhara region (present-day Pakistan) to travel for field studies and visits to significant locations in Pakistan.
The activities during the seminar were divided into three phases based on the geographic location:
Phase 1 – Islamabad (January 9-11):
The opening of the seminar featured key representatives from Pakistan. There were lectures from experts in three fields related to Gandhara: language, art, and archaeology. These were followed by visits to key heritage sites, including Jaulian Buddhist Heritage, Mohra Moradu Heritage, Sirkup City (Ancient City of Taxila), Dharmarajika Stupa and Monastery, and the Taxila Museum.
Phase 2 – Peshawar (January 12-14):
The participants travelled from Islamabad to Peshawar, located to the north. During this phase, they visited the Ashokan Rock Edicts in Mardan, Shahbaz Garhi (inscriptions in Kharosthi script and Gandhari language), Takht-i-Bahi Buddhist Heritage Site, and the Peshawar Museum.
Phase 3 – Swat (January 15-18):
In the final phase, the seminar participants travelled to Swat, a key location in Gandhara that was part of the ancient Silk Road. The region is rich in ancient cities and numerous stupas scattered across its valleys. During this phase, they visited excavation sites and stupa monuments, including the Barikot excavation site, Shingardar Stupa, Ghaligai Buddha, Jahanabad Buddha, Butkara excavation site, Saidu Sharif Stupa, and the Swat Museum.
The participation in this program offered several benefits. The first benefit was knowledge development, as participants could engage in fieldwork, collect photographic data, and learn from experts in various fields related to Gandhara. Additionally, the program helped build relationships with scholars interested in Buddhism in the Gandhara region, and these scholars will play a key role in the future of Buddhist studies in Gandhara.
คุณกิตติพงษ์ วงศ์อักษร นักวิจัยสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI), นักศึกษาปริญญาเอก คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัย มิวนิค (ประเทศเยอรมัน)ได้เข้าร่วมงานสัมมนา : 2025 Woodenfish-Waksaw Gandhara Buddhism Seminar in Pakistan (9-18 มกราคม 2568)
ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสถาบัน Woodenfish และ สถาบัน Waksaw โดยรับสมัครนักวิชาการและผู้สนใจพระพุทธศาสนาในดินแดนคันธาระ (ปัจจุบันประเทศปากีสถาน) จำนวน 30 ท่าน เพื่อเดินทางไปศึกษาและเยี่ยมชมสถานที่จริงในประเทศปากีสถาน
โดยมีกิจกรรมตลอดโครงการดังนี้
การเยี่ยมชมสถานที่จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงขึ้นอยู่กับโซนสถานที่ตั้ง
ช่วงที่ 1 เมืองอิสลามาบัด (9-11 มกราคม)
ช่วงแรกเป็นการเปิดโครงการ มีตัวแทนคนสำคัญจากทางปากีสถานมาร่วมงาน มีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านคันธาระ 3 ด้านคือ ภาษา ศิลปะ และโบราณคดี สลับกับการเข้าชมสถานที่จริง อันประกอบไปด้วย Jaulian Buddhist Heritage, Mohra Moradu Heritage, Sirkup City (Ancient city of Taxila), Dharmarajika Stupa and monastery, Taxila Museum
ช่วงที่ 2 เมืองเปชวา (12-14 มกราคม)
คณะผู้เข้าร่วมได้เดินทางจากเมืองอิสลามาบัดมาสู่เมืองเปชวา ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิสลามาบัด ได้เข้าเยี่ยมชม ศิลาจารึกพระเจ้าอโศกที่เป็นอักษรขโรษฐี ภาษาคานธารี (Ashokan Rock Edicts in Mardan, Shahbaz Garhi), Takht-i-Bahi Bddhist Heritage Site, Peshawar Museum
ช่วงที่ 3 เมือง Swat (15-18 มกราคม)
ในช่วงสุดท้าย คณะผู้สัมมนาได้เดินทางไปเมืองสวัท ซึ่งเป็นจุดสำคัญของดินแดนคันธาระ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม และมีเมืองโบราณสำคัญๆ รวมถึงสถูปเจดีย์มากมายตามหุบเขาต่างๆ ในช่วงนี้มีการเยี่ยมชมสถานที่ประกอบกับการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ สถานที่ที่ไป เช่น Barikot excavation site, Shingardar stupa, Ghaligai Buddha, Jahanabad Buddha, Butkara excavation site, Saidu Sharif stupa, Swat Museum เป็นต้น
ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการนี้มีประโยชน์ในหลายๆด้าน สิ่งแรกคือการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมได้ลงพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลภาพถ่าย และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคันธาระ นอกจากนี้ยังได้สร้างสัมพันธ์กับนักวิชาการที่สนใจพระพุทธศาสนาในดินแดนคันธาระ ซึ่งนักวิชาการเหล่านี้จะเป็นอนาคตของการศึกษาพระพุทธศาสนาในคันธาระต่อไป